คำถามที่พบบ่อย - การกู้ยืม
- กรณีเป็นผู้กู้ยืมเงินรายใหม่ ไม่กำหนดจำนวนชั่วโมง
- กรณีเป็นผู้กู้ยืมเงินรายเก่าเปลี่ยนระดับการศึกษา ไม่กำหนดจำนวนชั่วโมง
- กรณีเป็นผู้กู้ยืมเงินรายเก่าเลื่อนชั้นปีทุกระดับการศึกษา กำหนดจำนวนไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง
- กรณีผู้ใช้ถูกระงับบัญชี หรือลืมรหัสผ่าน ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ ... คลิก
- หากท่านมีความประสงค์เปลี่ยนแปลง / แก้ไขเบอร์โทรศัพท์ ที่ใช้ในการลงทะเบียน ช่องทาง Mobile Application "กยศ. Connect" หรือช่องทางเว็บไซต์ https://wsa.dsl.studentloan.or.th ขอให้ทำหนังสือถึงกองทุนเพื่อขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ในการลงทะเบียน กยศ.Connect พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชนชน (รับรองสำเนาถูกต้อง) โดยจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์เข้ามาตามที่อยู่กองทุนหรือส่งเอกสารไฟล์ .pdf ทางอีเมล [email protected]
กรณีนักเรียน นักศึกษา ที่ยื่นคำขอกู้ยืมเงินเรียบร้อยแล้ว ภายหลังต้องการเปลี่ยนสถานศึกษาต้องทำอย่างไร
นักเรียน นักศึกษาต้องตรวจสอบสถานะการกู้ยืมของตนเองก่อน ซึ่งหากสถานศึกษาเดิมยังไม่ได้ดำเนินการขั้นตอนต่างๆในระบบ นักเรียน นักศึกษาสามารถยกเลิกได้ด้วยตนเอง แต่หากได้ดำเนินการแล้วให้เร่งแจ้งกับสถานศึกษายกเลิกการกู้ยืมเงินของตนเองโดยเร็ว เพื่อที่จะสามารถยื่นขอกู้ยืมเงินกับสถานศึกษาใหม่ ได้ภายในระยะเวลาที่กองทุนกำหนด
กองทุนกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการโอนเงินกู้ยืม ดังต่อไปนี้
*กรณีผู้กู้ยืมเงิน /สถานศึกษา ไม่ได้รับเงินให้ติดต่อธนาคาร
นักเรียน นักศึกษา สามารถดาวน์โหลดขั้นตอนการกู้ยืมได้ตามลิงค์นี้ https://www.studentloan.or.th/th/highlight/1546921466
การพิจารณารายได้ต่อครอบครัว ให้พิจารณาจากรายได้รวมทั้งหมดก่อนหักค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่สามารถนำรายจ่ายอื่นๆ มาหักลบ
ผู้กู้ยืมสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินของตนเองได้ ดังนี้
1. เว็บไซต์ของกองทุน ตรวจสอบยอดหนี้ https://wsa.dsl.studentloan.or.th/
2. ช่องทางออนไลน์ Mobile Application "กยศ. Connect"
แนวทางการโอนเงินค่าเทอม-ค่าครองชีพ กยศ. ปีการศึกษา 1/2564
ในปีการศึกษา 2564 สถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีความรุนแรงมากขึ้น สถานศึกษาจึงเลื่อนการเปิดภาคเรียนและปรับรูปแบบการเรียนเป็นออนไลน์ กองทุนจึงได้ปรับกำหนดการให้สอดคล้องกับสถานศึกษา โดยขยายเวลาจากเดิมเดือนเมษายนเป็นเดือนมิถุนายน 2564 ทำให้กำหนดการโอนเงินกู้ยืมมีการปรับเลื่อนตามมา รวมถึงคณะรัฐมนตรีได้มีมติการปรับลดค่าเทอมให้แก่นักศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืม ทำให้กองทุนต้องปรับกระบวนการกู้ยืมเงินในระบบ DSLของระดับอุดมศึกษา เพื่อให้รองรับการบันทึกค่าเล่าเรียนจริงที่ได้รับการปรับลดตามมติคณะรัฐมนตรีให้กับนักศึกษาผู้กู้ยืม ซึ่งแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
1. การโอนเงินค่าเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา
กองทุนจะโอนเงินเข้าบัญชีของสถานศึกษา ภายหลังจากธนาคารได้รับสัญญากู้ยืมเงิน และหรือแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมว่าถูกต้องครบถ้วน ตรงกับข้อมูลที่ธนาคารได้รับจากระบบ DSL โดยจะโอนทุกวันที่ 5, 15 และ 25 ของเดือน
2. การโอนเงินค่าครองชีพเดือนที่ 1 ให้แก่ผู้กู้ยืม
กองทุนจะโอนเงินค่าครองชีพเดือนแรกให้แก่ผู้กู้ยืมภายใน 30 วัน นับจากวันที่สถานศึกษาทำการตรวจสอบยืนยันข้อมูลและแนบเอกสารการกู้ยืมของผู้กู้ยืมในระบบ DSL เรียบร้อยแล้วและสถานศึกษาจะต้องจัดส่งเอกสารการกู้ยืมที่ถูกต้องและครบถ้วนให้ธนาคารโดยเร็ว
หากธนาคารไม่ได้รับเอกสารการกู้ยืมดังกล่าวภายใน 30 วัน กองทุนจะหยุดการโอนเงินครองชีพของผู้กู้ยืมในเดือนที่ 2 เป็นต้นไป
3. กรณียังไม่ได้รับการโอนเงินค่าครองชีพเดือนที่ 2 และค่าเล่าเรียน เกิดจากสาเหตุ ดังนี้
3.1 ธนาคารตรวจเอกสารการกู้ยืมแล้วพบว่าเอกสารไม่ถูกต้อง/ไม่ครบถ้วน เช่น ผู้กู้ยืมเงินลงลายมือชื่อแทนบิดา มารดา , แนบไฟล์ที่มีข้อความ/เนื้อหา ขาดหายบางส่วน ไม่ครบถ้วนตามฟอร์ม , พยานมิได้ลงนามในสัญญา เป็นต้น โดยทางธนาคารจะแจ้งข้อมูลกลับทางอีเมลไปยังสถานศึกษาให้ได้รับทราบ และสถานศึกษาจะต้องแจ้งให้ผู้กู้ยืมแก้ไขเอกสารให้ถูกต้องแล้วส่งให้ธนาคารโดยเร็ว เมื่อธนาคารตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสารเรียบร้อยแล้ว ผู้กู้ยืมจึงจะได้รับโอนเงินค่าครองชีพในเดือนที่ 2 เป็นต้นไป
3.2 ธนาคารยังไม่ได้รับเอกสารการกู้ยืม หรืออยู่ระหว่างการตรวจเอกสารการกู้ยืม
3.3 สถานศึกษายังมิได้จัดส่งเอกสารการกู้ยืมให้ธนาคาร
ขอเรียนว่า กองทุนมีวัตถุประสงค์สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในลักษณะต่างๆ ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงระดับปริญญาตรี เป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าครองชีพ ไม่เกินขอบเขตการให้เงินกู้ยืมที่กองทุนกำหนด ซึ่งนักเรียน/นักศึกษาที่จะกู้ยืมเงินดังกล่าว จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎ ระเบียบ ประกาศและหลักเกณฑ์ต่างๆ ที่กองทุนกำหนด
ทั้งนี้ ขอให้ศึกษาข้อมูลการกู้ยืมเงินลักษณะต่างๆจากเว็บไซต์ของกองทุน ที่ https://www.studentloan.or.th/th/highlight/1595218254
ผู้กู้ต้องไปติดต่อสถานศึกษาที่เคยยื่นกู้ให้ดำเนินการยกเลิกสัญญา
- ขอแบบฟอร์มการยกเลิกสัญญา และแบบยืนยันการลงทะเบียน จากสถานศึกษา
- ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้กู้ยืม เซ็นชื่อในเอกสาร
- นำแบบฟอร์มการคืนเงินจากสถานศึกษาไปชำระเงินที่ธนาคารกรุงไทยเพื่อชำระยอดปิดบัญชี
-
เขียนคำร้อง แจ้งรายละเอียดเหตุผลในการยกเลิกสถานะการกู้ยืม
หมายเหตุ ส่งสำเนาใบเสร็จการชำระเงินพร้อมเอกสารข้างต้น ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการภาครัฐ เบอร์แฟกซ์ 0 2256 8198 ยืนยันการส่งแฟกซ์ โทร. 0 2208 8699
การรายงานสถานภาพการศึกษาโดยสถานศึกษา
สำหรับผู้กู้ยืมเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี หรือจบการศึกษา สถานศึกษาต้องรายงานสถานภาพ ตามจริง โดยระบบจะมีให้สถานศึกษารายงาน เช่น ศึกษาต่อในสถานศึกษานั้นๆ ผู้กู้ยืมรายเก่าเลื่อนชั้นปีที่ได้รับอนุมัติให้กู้ยืมเงินในสถานศึกษาปัจจุบัน สำเร็จการศึกษา ลาออก ให้ออก
การรายงานสถานภาพการศึกษาโดยผู้กู้
สำหรับผู้กู้ที่ต้องรายงานจะเกิดจาก กรณีดังนี้
กรณีที่ 1 ผู้กู้ยืมเงินมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างปี เช่น ย้ายสถานศึกษา หรือ ไม่กู้ยืมเงินต่อ
กรณีที่ 2 ผู้กู้ยืมเงินที่ศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่ไม่ได้เข้าร่วมดำเนินงานกับกองทุน
ดังนั้น เพื่อรักษาสถานภาพการศึกษา ว่า “กำลังศึกษาอยู่” ระบบDSLจะแจ้งเตือน ให้ผู้กู้มารายงานสถานภาพ เมื่อพบว่าไม่มีการรายงานสถานภาพมาแล้ว 1 ปี (365 วัน) นับจากวันที่รายงานสถานภาพครั้งล่าสุด โดยจะแจ้งเตือนผ่าน Email และ Notification ให้ผู้กู้ยืมเข้าระบบเพื่อรายงานสถานภาพ โดยระบบจะมีให้ดาวน์โหลด กยศ. 204 เพื่อรายงานและลงนามรับรองโดยสถานศึกษาปัจจุบัน และสแกนข้อมูลเข้ามาในระบบ หากยังไม่ถึงระยะเวลา 365 วัน ฟังก์ชันการรายงานสถานภาพจะไม่ขึ้นค่ะ ดังนั้น ผู้กู้ยืมเงินยังไม่ต้องดำเนินการใดๆเพราะรายงานสถานภาพจะไม่มีปุ่มแจ้งเตือน ให้คลิกค่ะ
แบบรายงานสถานภาพ กยศ.204
ไม่สามารถดำเนินการได้ ผู้กู้ยืมจะต้องยื่นขอกู้ยืมเงินผ่านระบบ DSL ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 เป็นต้นไป
การเรียกเก็บเงินค่าเล่าเรียนก่อน กองทุนฯ ถือเป็นการบริหารจัดการภายในสถานศึกษา ทั้งนี้ อาจจะเป็นปัญหาให้กับนักเรียน นักศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการจึงมีหนังสือขอความร่วมมือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไปยังสถานศึกษาในสังกัดแล้ว
ไม่ได้ ผู้ที่จะมีสิทธิกู้ยืมจะต้องมีสถานะศึกษาอยู่เท่านั้น