แนวทางการให้กู้ยืมเงินสำหรับระดับอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2564 ตามมติคณะรัฐมนตรี
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในการบรรเทาผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
- สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา สูงสุด 50%
- สถาบันอุดมศึกษาของเอกชน รัฐสนับสนุนค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา ในอัตรา 5,000 บาท/คน
กยศ. ได้กำหนดแนวปฏิบัติของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและผู้กู้ยืม ดังนี้
สำหรับสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา
- ขอให้งดการส่งเอกสารสัญญากู้ยืมและแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมมายังธนาคาร
- เมื่อระบบเปิด วันที่ 14 ส.ค. 64 ขอให้สถานศึกษาบันทึกค่าเล่าเรียนตามที่ลงทะเบียนจริงที่หักส่วนลดตามมติ ครม. แล้ว ในระบบสถานศึกษา
- ขอความร่วมมือในการจัดทำแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมใหม่ที่หักส่วนลดตามมติ ครม. แล้ว (ทั้งผู้กู้รายเก่าและรายใหม่) โดยเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนบันทึกค่าใช้จ่ายตามที่ลงทะเบียนจริง ในระบบตัวแทน และจัดส่งเอกสารมายังธนาคาร
สำหรับผู้กู้ยืมรายใหม่และรายเก่า
ขอให้ตรวจสอบและยืนยันยอดเบิกเงินกู้ยืมที่หักส่วนลดตามมติ ครม. แล้ว ในระบบ DSL ดังนี้
- ผู้กู้ยืมรายใหม่ ลงนามจัดทำแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมใหม่
- ผู้กู้ยืมรายเก่าเลื่อนชั้นปี ลงนามจัดทำแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมใหม่
หลังจากกองทุนได้รับสัญญาและแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมแล้ว จะดำเนินการโอนค่าครองชีพให้กับผู้กู้ยืม ภายใน 30 วัน
และดำเนินการโอนค่าเล่าเรียนให้กับสถานศึกษาต่อไป
แนวปฏิบัติในการลงนามสัญญากู้ยืมเงินและแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืม ปีการศึกษา 2564
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
สถานศึกษาอาจพิจารณาใช้ระบบประชุมออนไลน์ เช่น Application Zoom หรือ Microsoft Team เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข โดยดำเนินการดังนี้
1. สถานศึกษานัดหมายผู้กู้ยืมเงิน พร้อมผู้แทนโดยชอบธรรม (ถ้ามี) ลงนามในสัญญากู้ยืม/แบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมต่อหน้าสถานศึกษาผ่านระบบประชุมออนไลน์
2. ผู้กู้ยืมเงินจัดส่งสัญญากู้ยืมเงินและแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมให้กับสถานศึกษาในช่องทางและวิธีการตามที่สถานศึกษากำหนด
3. สถานศึกษารับเอกสารและลงนามเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงินและแบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืม
4. สถานศึกษาเข้าไปดำเนินการยืนยันการจัดทำสัญญากู้ยืมเงิน/แบบยืนยันการเบิกเงินกู้ยืมในระบบตัวแทน
5. สถานศึกษานำส่งเอกสารให้กับธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ สถานศึกษาอาจกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมตามบริบทและสถานการณ์ ตามระเบียบที่กองทุนกำหนด
วันที่:
5 สิงหาคม 2564